Interior Trend 2025: อัปเดตเทรนด์แต่งบ้านแห่งปี

สู่ยุคใหม่ของการอยู่อาศัย เมื่อบ้านไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัยอีกต่อไป แต่กลายเป็นพื้นที่ที่หลอมรวมเทคโนโลยี ความงาม และฟังก์ชันเข้าด้วยกัน เทรนด์เหล่านี้จึงสะท้อนถึงแนวทางใหม่ของวงการตกแต่งบ้านที่มุ่งไปสู่ การสร้างสรรค์พื้นที่ที่ ‘ฉลาดล้ำ’ แต่ยังคงความ ‘อบอุ่น’ และสะท้อนตัวตนของผู้อยู่อาศัยอย่างแท้จริง

ในปี 2025 การออกแบบภายในยังคงเน้นไปที่ความเรียบง่ายและความใกล้ชิดธรรมชาติ แต่ก็มีการพัฒนาแนวคิดใหม่ ๆ ที่ช่วยให้พื้นที่อยู่อาศัยดูอบอุ่นและทันสมัยมากขึ้น มาดูกันว่าแนวโน้มที่น่าสนใจมีอะไรบ้าง

1. โทนสี Earth Tone และเทรนด์สีแห่งปี

การใช้ โทนสีธรรมชาติ (Earth Tone) ยังคงเป็นที่นิยมในปี 2025 โดยเฉพาะ ‘Mocha Mousse’ ซึ่งเป็นสีน้ำตาลอมชมพูที่ถูกเลือกให้เป็นสีแห่งปีโดย PANTONE สีนี้ช่วยเพิ่มความรู้สึกอบอุ่น สงบ และหรูหรา สามารถนำมาใช้กับผนัง เฟอร์นิเจอร์ หรือของตกแต่งภายในเพื่อสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและเป็นธรรมชาติ

2. วัสดุธรรมชาติและพื้นที่สีเขียวในบ้าน

แนวคิด Sustainable Living ยังคงมาแรง วัสดุที่มาจากธรรมชาติ เช่น ไม้ หินอ่อน หินขัด ปูนเปลือย และหวาย กำลังได้รับความนิยมสูงขึ้น นอกจากนี้ การเพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในบ้าน เช่น มุมสวนเล็ก ๆ ต้นไม้ประดับ หรือวัสดุที่มีพื้นผิวใกล้เคียงธรรมชาติ จะช่วยให้บ้านดูมีชีวิตชีวาและเพิ่มคุณภาพอากาศภายในบ้านอีกด้วย ถ้าสนใจไม้สนรัสเซียที่มีลายไม้ธรรมชาติสวยๆไว้แต่งบ้านก็สอบถามเรามาได้เลย

3. สไตล์การแต่งบ้านที่มาแรง

แนวคิด "Less is More" หรือ Minimalist Style จะยังคงเป็นที่นิยม การออกแบบเน้นความเรียบง่าย ใช้เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น แต่มีฟังก์ชันที่ครบครัน และเน้นไปที่แสงธรรมชาติเป็นหลัก บ้านสไตล์มินิมอลในปี 2025 จะเน้นโทนสีที่สบายตา และใช้วัสดุที่ให้สัมผัสธรรมชาติ

โดยจากการศึกษาของ NocNoc พบว่าคนไทยนิยมการตกแต่งบ้านใน 3 สไตล์หลัก ได้แก่:

Japandi (25%): ผสมผสานความเรียบง่ายแบบญี่ปุ่นกับความอบอุ่นของสไตล์สแกนดิเนเวียน

Scandinavian (23%): โทนสีอ่อน วัสดุธรรมชาติ และดีไซน์ที่เรียบง่าย

Industrial (20%): เน้นความดิบของวัสดุ เช่น เหล็ก ปูนเปลือย และไม้เก่า

ซึ่งจะเห็นได้ว่า แนวคิดของ Minimalist Style ยังคงเป็นที่นิยมมากในหมู่คนไทย

4. เทคโนโลยี Smart Home บ้านอัจฉริยะ

บ้านแห่งอนาคตจะต้องฉลาดขึ้น! เทรนด์ Smart Home กำลังมาแรง ไม่ว่าจะเป็น

- ระบบแสงไฟอัจฉริยะ ที่สามารถปรับเปลี่ยนสีและความสว่างผ่านแอปพลิเคชัน

- เครื่องใช้ไฟฟ้า IoT ที่ควบคุมผ่านมือถือ เช่น ตู้เย็นอัจฉริยะ ลำโพง AI และระบบล็อกประตูดิจิทัล

- ระบบพลังงานอัจฉริยะ เช่น แผงโซลาร์เซลล์ที่ทำงานร่วมกับระบบบ้านอัตโนมัติ ช่วยลดการใช้พลังงาน

- บ้านที่ควบคุมด้วยเสียง เช่น Google Home หรือ Alexa ที่สามารถเปิด-ปิดอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น

นอกจากนี้ AI ในบ้านอัจฉริยะ ยังสามารถเรียนรู้พฤติกรรมของผู้อยู่อาศัยและปรับการทำงานให้เหมาะสม เช่น การปรับอุณหภูมิอัตโนมัติในช่วงเวลาที่ต้องการ หรือการเปิด-ปิดไฟตามกิจวัตรประจำวัน