🌲ไม้สนรัสเซีย SAK WoodWorks อายุ 80-150 ปี! ของดีหายากจากรัสเซีย🌲
อายุเยอะจริงไหม? หาได้ยาก? แล้วมันพิเศษกว่ายังไง?
แท้จริงแล้ว ไม้สนที่มีอายุมากขนาด 80-150 ปีนั้น ค่อนข้างหาได้ยากในท้องตลาดทั่วไป เพราะเป็นวัสดุพิเศษ ต้องเป็น supplier ที่เข้าถึงวัสดุนี้ได้เท่านั้นจึงจะนำมาจำหน่ายได้ นับเป็น rare item ที่มีเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้นที่ผลิตได้เลยล่ะ และนอกจากจะหายากแล้วยังมีคุณสมบัติที่พิเศษกว่า ซึ่งบางคุณสมบัติโดดเด่นยิ่งกว่าเหล็กอีกด้วยนะ !!!
บทความนี้ค่อนข้างจะเป็นวิชาการซักหน่อยและมีความยาวพอสมควร แต่รับรองว่าเต็มไปด้วยสาระน่ารู้ ถ้าพร้อมแล้ว มาไขความลับของไม้สนอายุ 80-150 ปีกันได้เลยในโพสต์นี้
และหากใครสนใจไม้สนคุณภาพขนาดนี้ ไม่ต้องหาที่ไหนไกลๆ เพราะเรา SAK WoodWorks นำเข้าไม้สนโดยตรงจากรัสเซีย ในราคาที่ไม่แพง แต่คุณภาพเน้นๆ พร้อมส่งถึงหน้าบ้านคุณ แค่ทักเรามาได้เลยครับ
ข้อได้เปรียบที่สำคัญมากๆ ของไม้สนรัสเซีย SAK WoodWorks ที่ทำให้แตกต่างจากไม้สนทั่วไปในตลาด คือ เป็นไม้สน “Norway Spruce” ที่ปลูกด้วยการทำป่าไม้แบบยั่งยืนในรัสเซียทางตอนเหนือไงล่ะ
ปลูกทางตอนเหนือของรัสเซีย ต่างกับปลูกที่อื่นๆในโลกนี้ยังไง?
ต้องอธิบายโดยอ้างอิงจากภาพ จะเห็นว่า หากโลกของเราถูกแบ่งออกด้วยอุณหภูมิและสภาพภูมิอากาศ โดยใช้เกณฑ์ของ USDA Global Plant Hardiness Zone จะสามารถแบ่งออกได้ถึง 13 โซนด้วยกัน โซนเหล่านี้ใช้แนะนำเกษตรกรว่าควรปลูกพืชชนิดใดในเขตของตัวเอง เพื่อให้เหมาะสมกับอุณภูมิและภูมิอากาศในเขตนั้นๆ ซึ่งคุณจะเห็นได้ว่า “ยิ่งเลขน้อยยิ่งมีอุณหภูมิที่หนาวเย็นมากกว่า” เช่น โซน 1 จะหนาวเย็นกว่า โซน 2 และโซน 2 จะหนาวเย็นกว่าโซน 3
โซน 1-2 นั้นหนาวเย็นมากจนแทบไม่มีผู้คนอยู่อาศัยได้เลย และไม่ใช่ทุกประเทศที่มีพื้นที่ในอาณาเขตโซนที่หนาวเย็นมากๆ อย่างพื้นที่โซน 2-3 นี้ (อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปี -45.6 ถึง -34.4°C) จะมีจำกัดมากๆ โดยส่วนใหญ่จะพบในประเทศรัสเซียและแคนาดา และโซน 3 สามารถพบได้บ้างในนอร์เวย์ ฟินแลนด์ และสวีเดน
จากจุดนี้เองถึงแม้ต้นสน Norway Spruce (European Spruce/ ชื่อวิทยาศาสตร์: Picea Abies) จะสามารถปลูกได้ในหลายๆโซนทั่วยุโรป แต่ประเทศแถบยุโรปที่สามารถเข้าถึงป่าสนใน Hardiness Zone 2-3 กลับมีน้อยมาก ทำให้วัสดุไม้สนที่มาจากป่าสนในโซนนี้มีจำกัดมากในแต่ละปี และมีความหายากมากกว่าไม้สนที่ปลูกในเขตอื่นๆ
ไม้สนที่เติบโตในป่าสน Global Plant Hardiness Zone 2-3 เติบโตแตกต่างจากไม้สนทั่วไปในยุโรปโซนอื่นจริงหรือ?
ต้องบอกว่าจริง! เพราะไม้สนโซนนี้โตช้ามาก
ด้วยอุณภูมิเฉลี่ยตลอดปีที่ต่ำสุดๆเพียง -45.6 ถึง -34.4°C ทำให้ไม้สน Norway Spruce เติบโตช้ากว่า ค่อยๆมีขนาดใหญ่ขึ้น แข็งแรงขึ้น และมีตำหนิน้อยลง ด้วยการที่โตช้านี้ทำให้ต้นสนในโซนนี้กว่าจะโตพอจนสามารถตัดได้ ก็เมื่อต้นสนมีอายุ 80-150 ปีขึ้นไปแล้วเท่านั้น !!!
ไม้สนบริเวณนี้จึงมีอายุมากจริงๆ เพราะถ้าอายุต่ำกว่านี้ก็จะมีขนาดเล็กเกินไปที่จะตัดนำมาทำไม้แปรรูปไงล่ะ อายุที่มากถึง 80-150 ปีนั้น มากกว่าอายุไขเฉลี่ยของมนุษย์ซะด้วยซ้ำ ไม้สนที่เราตัดนำมาใช้จำหน่ายกันในทุกวันนี้ก็ถูกปลูกมาแล้วในการปลูกป่าแบบยั่งยืนถึง 1 ชั่วอายุคนเลยทีเดียว เรียกว่าเป็นไม้สนรุ่นคุณปู่ได้เลยล่ะ และหากเริ่มปลูกไม้สนต้นใหม่ในวันนี้ กว่าไม้สนจะโตพอจนตัดได้ก็ต้องรอไปอีกถึงร้อยปี!
***ทริกเล็กๆ*** คุณสามารถเช็คอายุของไม้สนโซนนี้ได้ง่ายๆ เพียงแค่ดูที่วงปีหรือลายไม้ของไม้แปรรูป ก็จะเห็นได้ว่าวงปีของไม้สนรัสเซียทางตอนเหนือจะคมชัดและถี่เล็กมาก แตกต่างจากไม้สนทั่วไปในยุโรปอย่างชัดเจน วงปีที่ถี่เล็กนี้เกิดจากการที่ต้นไม้ค่อยๆโตอย่างช้าๆในอุณหภูมิที่หนาวเย็น ในขณะที่ถ้าต้นไม้โตอย่างรวดเร็วในเขตที่อบอุ่นกว่าจะมีวงปีที่กว้างกว่า และมีจำนวนน้อยกว่า
จากอุณภูมิและสภาพภูมิอากาศที่ทำให้ต้นสนโตช้านี้เอง ทำให้ต้นสนรัสเซียในเขต Hardiness Zone 2-3 นี้มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครอีกด้วย!
ไม้สนที่ถูกปลูกใน Global Plant Hardiness Zone 2-3 คุณสมบัติไม่เหมือนกับไม้สนทั่วไปยังไง?
อันดับแรกมาดูด้วยตาเปล่ากันก่อน เราได้บอกไปเบื้องต้นแล้ว ว่าไม้สนในโซนนี้โตช้าและมีอายุที่มาก จึงทำให้มีวงปีถี่เล็ก คมชัด และมีจำนวนวงปีมากกว่าไม้สนทั่วไป ให้ลายไม้การตกแต่งที่สวยงามแตกต่าง นอกจากวงปีแล้วไม้สนในโซนนี้ยังมีสีที่แตกต่างอีกด้วย อาจจะเพราะมันอาบหิมะกับแสงเหนือมาเกือบร้อยปีก็ไม่ทราบได้ ทำให้สีของไม้สนโซนนี้ขาวกว่าไม้สนทั่วไปมาก สีที่ขาวและลายไม้ที่ละเอียดสวยนี้ให้การตกแต่งที่แตกต่างอย่างเหนือชั้นแก่ชิ้นงานของคุณได้เลยล่ะ
มาดูที่คุณสมบัติด้านต่างๆกันต่อ เนื้อไม้สน Norway Spruce ทั่วไปจะมีความหนาแน่นอยู่ที่ประมาณ 310-400 kg/cbm ความต้านทานแรงดึงของเนื้อไม้ในทิศทางตามยาวจนแตกหัก (Tensile breaking strength in the longitudinal direction) อยู่ที่ประมาณ 80 MPa
ขณะที่ไม้สนจากทางตอนเหนือที่นำเข้าโดย SAK WoodWorks มีความหนาแน่นมากกว่าที่ประมาณ 420-520 kg/cbm ความต้านทานแรงดึงของเนื้อไม้ในทิศทางตามยาวจนแตกหัก สามารถต้านได้มากถึง 80-90 MPa ซึ่งตัวเลขนี้แสดงข้อเท็จจริงให้เห็นว่า ถ้าในความหนาแน่นเดียวกันเส้นใยไม้ตามแนวยาวทนทานต่อแรงดึงได้สูงกว่าเหล็กโครงสร้างประมาณ 3 เท่า!!! นอกจากนี้ไม้สนทางตอนเหนือยังมียางน้อยกว่า ไม้ตรงกว่า เนื้อเหนียวและยืดหยุ่นกว่าไม้สนในโซนอื่นๆอีกด้วย ไม้สนทางตอนเหนือจึงเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าคุ้มราคามากกว่าในด้านของคุณภาพวัสดุ
สำหรับการนำไปใช้ สีขาวและลายสวยๆของไม้สนแน่นอนว่าเหมาะมากๆสำหรับนำไปตกแต่งบ้าน ทำเฟอร์นิเจอร์ และงาน DIY แต่จริงๆแล้วสำหรับงานโครงสร้าง ไม้สน Norway Spruce ยังขึ้นชื่อมากเรื่องสัดส่วนความแข็งแรงต่อน้ำหนักที่ยอดเยี่ยม (Strength/Weight Ratio) ไม้สนสามารถรองรับน้ำหนักได้ดีแต่กลับมีน้ำหนักที่เบา ถึงแม้ว่าคุณสมบัติทางด้านความแข็งอาจจะไม่เทียบเท่ากับเหล็กและคอนกรีตแต่ไม้สนกลับมีจุดเด่นมากมายที่แตกต่างไป การก่อสร้างต้องคำนวณมากมายทั้งความแข็งแรง การรับน้ำหนักของโครงสร้าง และอื่นๆรวมทั้งน้ำหนักของวัสดุที่นำมาใช้ด้วย ดังนั้นการใช้วัสดุอย่างไม้สนที่ผสมผสานความแข็งแรงที่มากเข้ากับความยืดหยุ่นที่โดดเด่นและน้ำหนักเบา จะทำให้โครงสร้างในเชิงวิศวกรรมมีคุณสมบัติที่ดี แตกต่างและหลากหลายกว่าการใช้เหล็กและคอนกรีตแบบดั้งเดิม แถมยังคุ้มค่ากว่าในด้านการขนส่งการจัดการและต้นทุนวัสดุที่ถูกกว่ามากอย่างมีนัยยะสำคัญอีกด้วย
Comments